วันอังคารที่ 3 กันยายน พ.ศ. 2556

10นักเทนนิสชายที่ต้องจับตาฤดูกาล2013


ฤดูกาล 2012 ที่จบลงไป สี่นักเทนนิสชายที่ถูกกล่าวขวัญถึงมากที่สุด ยังคงเป็นเดอะบิ๊กโฟร์ อันประกอบด้วย โนวัค โจโควิช, โรเจอร์ เฟเดอเรอร์, แอนดี้ มาร์รี่ย์ และ ราฟาเอล นาดาล แต่สำหรับฤดูกาล 2013 นี้ เดอะบิ๊กโฟร์จะต้องเจองานท้าทายจากคู่แข่งอีกนับสิบนับร้อยผู้หิวกระหายความสำเร็จ ซึ่งคู่แข่งเหล่านั้นมีสิบคนที่มีแววที่สุดที่จะก้าวขึ้นมาเขย่าบัลลังก์ของเดอะบิ๊กโฟร์ทั้งสิบคนมีดัง
ราฟาเอล นาดาล
        หนึ่งในผู้เล่นที่สำคัญที่สุดที่ต้องจับตามองแน่นอนว่าเป็น ราฟาเอล นาดาล ที่หายหน้าหายตาจากคอร์ตไปนานตั้งแต่เดือนกรกฎาคมเพราะบาดเจ็บเข่า อดีตมือหนึ่งโลกอยู่ในระหว่างการซ่อมแซมความสึกหรอของสุขภาพเพื่อกลับมาผงาดอีกครั้งในฤดูกาล 2013 แต่โชคร้ายที่ต้องรอไปจนกระทั่งหลังจบออสเตรเลียน โอเพ่น อันนี้เจ้าตัวเปิดเผยเองว่ากว่าทุกอย่างจะเข้าที่เข้าทางก็คงต้องรอให้ผ่านแกรนด์ สแลมแรกไปเสียก่อน
        เมื่อใดก็ตามที่นาดาลกลับมามีสุขภาพที่แข็งแรงและสมบูรณ์อีกครั้ง เรื่องราวและความสำเร็จก็จะเริ่มต้นนับต่อโดยเฉพาะความสำเร็จในเมเจอร์ เขาจะยังคงคว้าแกรนด์ สแลม ได้เพิ่มเติมได้อีกหรือไม่ในฤดูกาล 2013 นั่นคือสิ่งที่เขาถูกจับตามองดูอยู่ คำตอบคงจะรู้ได้ไม่เกินกลางปี

ฮวน มาร์ติน เดล โปโตร
        ถามว่ากระบวนการฟื้นตัวของ ฮวน มาร์ติน เดล โปโตร นักหวดร่างโย่งชาวอาร์เจนตินาเป็นเช่นใดในฤดูกาลที่ผ่านมา ?
        ก็ต้องบอกว่าดีขึ้นตามลำดับแม้ว่ายังไม่ถึงขั้นสุดขีดในแบบที่เขาเคยทำได้ในปี 2009 คือการเป็นแชมป์แกรนด์ สแลม ยูเอส โอเพ่น

เจอร์ซี่ย์ ยาโนวิกซ์

        
นักหวดวัย 22 ปีร่างยักษ์จากโปแลนด์สร้างผลงานได้อย่างหวือหวาและเข้าตากรรมการระหว่างศึกบีเอ็นพี ปาริบาส มาสเตอร์ส ตอนปลายเดือนตุลาคมที่ผ่านมา ไม่มีใครปฏิเสธว่าเขาเล่นได้ประทับใจเพียงใดเพราะระหว่างเส้นทางของการเข้าชิง เขาเอาชนะผู้เล่นที่มีชื่อเสียงโด่งดังกว่าเขาทุกคนไม่ว่าจะเป็น มาริน ซิลิช, ชีลส์ ซิมง, ยันโก้ ทิปซาเรวิช, ฟิลิปป์ โคห์ลชไรเบอร์ และ แอนดี้ มาร์รี่ย์ ท้ายที่สุดคนที่ปราบเขาได้เป็นนักเทนนิสตัวเล็ก ดาวิด เฟร์เรร์แห่งสเปน แต่ก็ใช่ว่าจะสามารถหยุดยั้งเดอะบิ๊กแมนเจ้าของส่วนสูง 6 ฟุต 8 นิ้ว ให้เขยิบอันดับโลกจากที่ 69 มาอยู่ที่ 26 ได้ เมื่อได้มายืนตรงจุดนี้แล้ว ต่อไปเดอะบิ๊กแมนก็จะได้เข้าเล่นเมนดรอว์เกือบทุกทัวร์นาเมนต์ เมื่อนั้นโอกาสที่เขาจะได้ต่อยอดความสำเร็จก็มีสูงขึ้นเป็นเงาตามตัวไปด้วย เวลาจะตัดสินคุณค่าในตัวเขา และฤดูกาล 2013 น่าจะเป็นปีที่สดใสสำหรับผู้เล่นหมายเลขหนึ่งของประเทศโปแลนด์
 
เคอิ นิชิโคริ

        
เป็นผู้เล่นท็อปชายของญี่ปุ่น (และเป็นหนึ่งในผู้เล่นที่ดีที่สุดในประวัติศาสตร์ของประเทศไปแล้วฝ่ายชาย) เคอิ นิชิโคริ คือชื่อของเขาผู้สร้างชื่อจากการล้มผู้เล่นในระดับบิ๊กเนมมาแล้วหลายคน แต่ในขณะที่สามารถคว้าชัยชนะที่ฮือฮาได้ เขายังประสบปัญหากับการรักษามาตรฐานการเล่นให้คงเส้นคงวา และอาการบาดเจ็บที่เกิดขึ้นเป็นนิจ

        ความคงเส้นคงวาของเขาเริ่มดีขึ้นตอนอายุ 22 ปี ฤดูกาล 2012 จึงได้เห็นเขาเข้าเล่นรอบแปดคนสุดท้ายแกรนด์ สแลม ทัวร์นาเมนต์เป็นครั้งแรกที่ออสเตรเลียน โอเพ่น จากนั้นได้เห็นเขาคว้าแชมป์เอทีพี ทัวร์สำเร็จเป็นรายการแรกนับแต่เทิร์นโปรในปี 2008 และยังได้เห็นอันดับโลกของเขาไต่ขึ้นสูงสุดถึงที่ 15 และในรายการแข่งระดับมาสเตอร์ส อีเวนต์ เขามีสถิติการเล่นดีที่สุดของตัวเองบันทึกได้ 8-6
 
แซม คเวียร์รี่ย์

        
ในสภาวะแบบนี้วงการเทนนิสชายของสหรัฐอเมริกาต้องการใครสักคนเข้ากอบกู้หลังจากเห็น แอนดี้ ร็อดดิค ได้ประกาศรีไทร์ไปเมื่อสิ้นสุดศึกยูเอส โอเพ่น อีกทั้ง มาร์ดี้ ฟิช ก็ประสบปัญหาสุขาภาพร่างกายและจิตใจ จึงไม่ได้เห็นนักเทนนิสอเมริกันชายหลงเหลืออยู่ในรอบลึกของแกรนด์ สแลม ทัวร์นาเมนต์กันเลย

        อย่างไรก็ดีในช่วงหลังมานี้ แซม คเวียร์รี่ย์ มีสัญญาณบ่งบอกว่าจะกลายเป็นความหวังใหม่ให้วงการลูกสักหลาดชายอเมริกัน

        ตอนต้นปี 2011 แซมเพิ่งจะฟื้นตัวจากการผ่าตัดข้อศอกและอาการป่วยจากการติดเชื้อ ช่วงที่เขาหยุดพักการเล่นไปอันดับโลกได้ตกลงไปถึงที่ 120

ไรอัน แฮร์ริสัน

        
พูดถึงอเมริกันเทนนิส ก็ต้องพูดถึง ไรอัน แฮร์ริสัน อีกคนหนึ่ง ในวัย 20 ปีไม่ใช่อายุที่สามารถดื่มสุราได้ตามกฎหมาย หากแต่หมายถึงเป็นเวลาเนิ่นนานถึง 10 ปีแล้วที่ ยังไม่มีอเมริกันแมนคนใดได้เป็นแชมเปี้ยนชายเดี่ยวแกรนด์ สแลม อีกเลยนับแต่ที่ แอนดี้ ร็อดดิค เป็นแชมป์ยูเอส โอเพ่นในปี 2003 นั่นคือภาระและความรับผิดชอบที่เต็มไปด้วยแรงกดดันบนบ่าทั้งสองข้างของนักเทนนิสชายอเมริกันทุกคน

        ฤดูกาล 2013 อาจจะเป็นก้าวย่างที่สำคัญสำหรับวงการหวดชายอเมริกัน เพราะแรงกดดันอาจจะทำให้เกิดสิ่งใดสิ่งหนึ่งนอกเหนือความคาดฝันขึ้นได้ สิ่งที่น่ากังวลสำหรับแฮร์ริสันคือมันอาจจะเป็นการเยอะเกินไปในเวลาที่สั้นเกินไป ซึ่งมันได้เล่นงานนักเทนนิสดาวรุ่งของสหรัฐอเมริกามาแล้วไม่ว่าจะเป็น โดนัลด์ ยัง และ ไรอัน สวีติ้ง เขาจำเป็นต้องรู้ขีดจำกัดของตัวเอง ซึ่งไม่มีใครมาตีกรอบและขีดเส้นให้ได้ว่าจะต้องเป็นผู้ชนะแกรนด์ สแลม ตอนวัย 21 ปี

มิลอส ราโอนิก

        
ปีนี้ต้องตามดูกันต่อไปว่า มิลอส ราโอนิก จะสามารถปักธงแคนาเดี้ยน เทนนิส บนแผนที่โลกใบนี้สำเร็จหรือไม่ เพราะการก่อร่างสร้างตัวไต่เต้าขึ้นมาเป็นยังสตาร์ในวงการนั้นเขาแจ้งเกิดไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ถ้าจะเป็นยังสตาร์แบบเดิมคงไม่เพียงพอแล้ว

        ปี 2012 ที่จบไปเป็นปีที่ดีมากสำหรับนักหวดตัวใหญ่ความสูงร่วม 6 ฟุต 5 นิ้ว เขาออกสตาร์ตอยู่อันดับ 31 ของโลกแต่ปิดท้ายปีอยู่อันดับ 13 ในขณะที่มีวัย 21 ปี ได้เล่นรอบชิงชนะเลิศระดับเอทีพี ทัวร์นาเมนต์ 4 ครั้ง ได้เป็นแชมเปี้ยนสองรายการ และยังมีผลงานในแกรนด์ สแลม และมาสเตอร์ส อีเวนต์ ดีที่สุดที่เคยทำได้

มาร์ดี้ ฟิช

        
เรื่องราวความสำเร็จจากการทำงานหนักของ มาร์ดี้ ฟิช ได้กลายเป็นแรงบันดาลให้กับแฟนเทนนิสจำนวนไม่น้อย

        เป็นเวลานานมากที่เขาตกอยู่ภายใต้ร่มเงานักเทนนิสเพื่อนร่วมรุ่นในประเทศสหรัฐอเมริกาทั้ง เจมส์ เบล็ค และ แอนดี้ ร็อดดิค แต่ว่าในปี 2010 ฟิชลดน้ำหนักตัวเองลงไป 30 ปอนด์ และสามารถทำอันดับโลกขึ้นสูงสุดที่ 7 ในปี 2011 เปลี่ยนสถานะจากตัวประกอบขึ้นมาเป็นพระเอกในบัดดล

        แต่มาถึงตอนนี้สงครามครั้งสุดท้ายของฟิชเปลี่ยนโฉมหน้า เพราะคู่แข่งของเขาไม่ใช่คู่แข่งที่อยู่ฝั่งตรงข้ามอีกต่อไป แต่หากเป็นโรคหัวใจที่เต้นผิดปกติต่างหากที่คุกคามเทนนิสอาชีพ หรือแม้กระทั่งถึงขึ้นชีวิตของเขาเอง ภายหลังการถอนตัวจากการแข่งขันเฟร้นช์ โอเพ่น ในเดือนพฤษภาคมฟิชได้เปิดเผยปัญหาสุขภาพหัวใจของเขาต่อสื่อ จากนั้นลงแข่งขันได้ไม่ต่อเนื่อง และไม่เห็นเขาเล่นอีกเลยนับแต่ยูเอส โอเพ่น

        ตอนสิ้นปีอันดับโลกของเขาอยู่ที่ 27 เขาถอนตัวจากศึกออสเตรเลียน โอเพ่น แต่มีแผนการที่จะกลับลงสนามในเดือนกุมภาพันธ์

ฮวน โมนาโก

        ช่วงเริ่มต้นของปี 2012 คุณอาจจะยังถามไถ่กันว่า ''ฮวน โมนาโกคือใคร ?''

        พอถึงกลางปีหนุ่มคนนี้กลายเป็นมืออันดับ 15 ของโลก แต่คุณยังอาจไม่รู้จักเขาอีกนั่นแหละ หรือแม้กระทั่งเขาได้เป็นท็อปเทนอยู่แล้ว คุณก็คงยืนยันคำถามเดิมอยู่

        นักหวดวัย 28 ปีชาวอาร์เจนตินา ทำอันดับโลกขึ้นไปถึงที่ 10 สูงสุดในปีที่ผ่านมา และเกือบจะติดชาร์ตท็อปเทนตอนสิ้นฤดูกาลหลังจากที่แช่อยู่ที่ระดับ 40 อยู่นานหลายปี จนกระทั่งมาได้ผลงานที่ดีในระดับมาสเตอร์ส อีเวนต์ถึงห้ารายการจากทั้งหมดเก้ารายการ และผลงานดีในแกรนด์ สแลม สองรายการจากทั้งหมดสี่รายการ

ดาวิด เฟร์เรร์

        ดาวิด เฟร์เรร์
ก้าวขึ้นมายืนริมตลิ่งแล้วสำหรับผู้ที่ได้ชื่อว่าเป็นผู้เล่นดีที่สุดที่ยังไม่ชนะแกรนด์ สแลม คือพูดแบบให้เข้าใจง่ายที่สุดก็คือ เขาขอชัยชนะอีกเพียงสองแมตช์เท่านั้นก็จะได้เป็นแชมเปี้ยนเมเจอร์แล้ว

        แต่เอาล่ะอย่างไรเสียประตูแห่งความหวังไม่ใช่ปิดตายซะเลยทีเดียวสำหรับนักเทนนิสรุ่นใหญ่วัย 30 ปีแล้ว เพราะหลังจากจบออสเตรเลียน โอเพ่น นักหวดสเปนอาจจะขึ้นมาเป็นท็อปโฟร์ของโลก การเล่นของเขาในฤดูกาลที่ผ่านมา สถิติที่ไม่เคยโกหกใครบ่งชี้ว่า ค่าเฉลี่ยของเขาในการพบกับผู้เล่นมือท็อปเทนด้วยกันอยู่ที่ .500 ในขณะที่ค่าเฉลี่ยตลอดทั้งอาชีพที่เขาเล่นมาอยู่แค่เพียง .376

การเลือกอุปกรณ์เทนนิส

1.   การเลือกอุปกรณ์
1.1   ไม้เทนนิส (Racquet) วิวัฒนาการไม้เทนนิสในอดีต
1.1.1   น้ำหนักเหมาะสมกับอายุและรูปร่างของผู้เล่น ไม่หนักหรือเบาจนเกินไป (ประมาณ 11-13 ออนซ์ สำหรับผู้ใหญ่)
 1.1.2   ควรคำนึงถึงคุณภาพของไม้มากกว่าราคา เช่น เราต้อการไม้ที่ใช้พลัง หรือให้ความรู้สึกในการบังคับลูก
1.1.3   ขนาดกริป (Grif Size) ควรพอเหมาะกับผู้เล่น วิธีวัดง่ายๆก็คือวางไม้บรรทัดตรงกลางระหว่างนิ้วกลางกับนิ้วนาง แล้ววัดความยาวจาก ปลายนิ้วนางไปหาเส้นลายมือ เส้นกลางฝ่ามือ (ขนาดของกริปจากเล็กไปหาใหญ่
1.1.4   บริษัทส่วนใหญ่จะมีไม้ตัวอย่างให้ลองตีดูก่อน เราควรที่จะปรึกษาผู้มีความรู้หรือโค้ช ต้องศึกษาส่วนประกอบของไม้
 1.1.5   ไม้เทนนิสปัจจุบันทำด้วยวัสดุหลายๆประเภท เช่น คาร์บอน โบรอน และกราไฟท์ จึงควรที่จะอ่านคุณสมบัติของไม้ก่อนที่จะซื้อ และ ควรปรึกษาผู้มีความรู้
1.1.6   ขนาดความกว้างของหน้าไม้จะมี 3 ขนาด คือ ขนาดมาตรฐาน กลาง และหน้ากว้าง นักเทนนิสปัจจุบันนิยมขนาดกลาง (สำหรับผู้ที่ชอบ ตีอัดลูก) หน้ากว้างเหมาะสำหรับผู้ที่ตีป้ายลูกโดยอาศัยจังหวะที่ดี การที่มีจุดตีลูก (Sweet Spot) ที่กว้างกว่าจะทำให้ตีลูกได้แรงขึ้น
1.1.7   ขอบไม้ถ้าสันโต มักจะถูกสร้างเพื่อป้องกันการสั่นสะเทือนของไม้ในขณะปะทะลูกซึ่งทำให้ตีลูกออกไปได้อย่างเต็มกำลังและมี ประสิทธิภาพ
  1.1.8   เอ็นจะมีอยู่ 3 ชนิดใหญ่ๆ คือ เอ็นไนล่อน เอ็นสังเคราะห์ และเอ็นแท้ (Gut ซึ่งทำจากลำไส้สัตว์ เช่น แกะ) เอ็นแท้จะมีความยืดหยุ่น ในการตีได้ดีกว่า ไม่ทนทานและมีราคาแพงกว่า ความหนาของเอ็นที่นิยมใช้ คือ เบอร์ 15,16 เบอร์ที่มีตัวเลขน้อยกว่าจะมีความหนาของเอ็นมากกว่า
 1.1.9   ความตึงของเอ็น ให้ขึงตามที่บริษัทแร็กเก็ตแต่ละชนิดระบุมาให้ เพื่อประสิทธิภาพที่ดี และความทนทานในการใช้งานและควรขึงเอ็นตามแบบที่กำหนดให้จากทางบริษัทที่ผลิตแร็กเก็ต (ข้อแนะนำเหล่านี้จะมีติดแนบมากับไม้) นิยมใช้มาตรา "ปอนด์" และ "กิโลกรัม" การขึงเอ็นตึงจะทำให้มีการควบคุมลูกบอลได้ดีกว่า การขึงเอ้นหย่อนจะทำให้มีพลังงานมากกว่า
1.2   ลูกบอล หากทำการฝึกซ้อม ควรเลือกลูกบอลเกรด B ที่ไม่บรรจุกระปํองมาขายเพราะคุณภาพใช้ได้และราคาถูก (คุณภาพลูกบอลที่ดีเมื่อปล่อย ลูกบอล ในความสูงจากพื้น 100 นิ้ว ลูกบอลจะกระดอนสูงจากพื้น 53-58 นิ้ว)สำหรับนักเทนนิสแข่งขัน ควรสอบถามให้แน่ชัดว่า การแข่งขันครั้งต่อไป จะใช้ลูกบอลยี่ห้ออะไร เพื่อว่าจะได้ซ้อมให้เกิดความเคยชินอย่างน้อย 1-2 สัปดาห์
  1.3  เครื่องแต่งกาย ผู้ชายจะนิยมสวมกางเกงขาสั้น ผู้หญิงจะนิยมสวมกระโปรง หรือกางเกงขาสั้น ทั้งชายและหญิงจะต้องสวมเสื้อคอปกเมื่อลงทำการแข่งขัน โดยทั่วๆไปจะมีกฎข้อบังคับให้สวมใส่เสื้อผ้าที่มีพื้นสีขาว 80 % ควรเป็นผ้าที่ซับเหงื่อ และระบายความร้อนได้ดี มีการยืดหยุ่นในการเคลื่อนที่
    1.4  ถุงเท้า ควรเป็นถุงเท้าที่หนา เพื่อป้องกันการเสียดสีของเท้ากับรองเท้าในขณะวิ่ง
    1.5   รองเท้า ควรจะลองสวมเมื่อใส่ถุงเท้าหนาด้วยขนาดกระชับพอดี ไม่คับ ไม่หลวมเกินไป ควรเลือกรองเท้าให้เหมาะสมกับชนิดสภาพสนาม ที่ใช้เล่นหรือแข่งขัน หมั่นตรวจสอบรักษาความสะอาดถุงและรองเท้า ถ้าเป็นนักเทนนิสที่มีเหงื่อมากควรจะซักรองเท้าอย่างน้อย 1 ครั้งต่อสัปดาห์
2. วิธีรักษาไม้เทนนิสและเอ็น
2.1  ควรเก็บไม้เทนนิสไว้ในซองไม้ทุกครั้งที่เล่นเสร็จ
2.2  ทาเทียนไขที่เอ็นเพื่อป้องกันความชื้น
2.3  ไม่วางเก็บไว้ในที่ร้อนหรือเย็นจนเกินไป เพราะการขยายตัวหรือหดตัวของไม้จะทำให้ไม้เสื่อมสภาพได้ง่าย
2.4  ไม่วางไว้ในที่ๆมีอากาศชื้น จะทำให้เอ็นเสื่อมสภาพ
2.5  ขณะเล่น พยายามเช็ดเหงื่อไม่ให้ไหลจากมือไปเปียกที่ด้ามจับ เพราะจะทำให้สูญเสียความรู้สึกในการจับที่ด้ามจับ และอาจจะทำให้ ไม้เทนนิสหลุดมือได้ง่าย อีกทั้งยังอาจจะทำให้หนังที่ด้ามจับมีกลิ่นเหม็นหรืออาจเกิดเชื้อราขึ้นได้
2.6  หมั่นตรวจสอบดูคุณภาพของเอ็น และนักเทนนิสควรจะรู้อายุการใช้งานของเอ็นแต่ละเส้นจะได้มีไม้สำรองเมื่อเอ็นขาดในขณะแข่งขัน
2.7  นักเทนนิสระดับแข่งขันที่เดินทางไปแข่งขันในต่างประเทศ ควรจะมีไม้ประมาณ 4-6 อัน เป็นอย่างน้อย

เทนนิสแกรนด์สแลม

เทนนิสแกรนด์สแลม
แกรนด์สแลม(อังกฤษ: Grand Slam) เป็นชื่อเรียกการแข่งขันเทนนิสรายการใหญ่ที่สุด 4 รายการของโลก บนพื้นผิวคอร์ทและภูมิอากาศที่แตกต่างกัน ประกอบด้วย
ออสเตรเลียนโอเพน แข่งขันในเดือนมกราคมของทุกปี ที่ประเทศออสเตรเลีย บนฮาร์ดคอร์ท
เฟรนช์โอเพน แข่งขันในเดือนพฤษภาคมถึงมิถุนายน ที่ประเทศฝรั่งเศส บนคอร์ทดิน
วิมเบิลดัน แข่งขันในเดือนมิถุนายนถึงกรกฎาคม ที่ประเทศอังกฤษ บนคอร์ทหญ้า
ยูเอสโอเพน แข่งขันในเดือนสิงหาคมถึงกันยายน ที่ประเทศสหรัฐอเมริกา บนฮาร์ดคอร์ท
คำว่าแกรนด์สแลมถูกใช้ในวงการเทนนิสเป็นครั้งแรกในปี ค.ศ. 1933 โดยจอห์น คีราน คอลัมนิสต์ของหนังสือพิมพ์นิวยอร์กไทม์ ในปัจจุบันทั้งสี่รายการใช้เวลาแข่งขันสองสัปดาห์ ในการแข่งขันประเภทเดี่ยวจะมีนักเทนนิสเข้าร่วมแข่งขันในรอบเมนดรอว์ 128 คน นั่นคือผู้ชนะเลิศต้องชนะติดต่อกัน 7 ครั้งติดต่อกันจึงจะได้ครองตำแหน่ง
นอกจากจะเป็นชื่อเรียกรายการแข่งขันแล้ว แกรนด์สแลมยังถูกนำมาใช้เรียกแสดงความประสบความสำเร็จของนักเทนนิสที่ชนะเลิศครบทั้งสี่รายการ ความแตกต่างกันของพื้นผิวสนามและสภาพอากาศ (ออสเตรเลียนโอเพนอากาศร้อน วิมเบิลดันมักมีฝนตก ยูเอสโอเพนอากาศเย็น) ทำให้เป็นการยากที่นักเทนนิสคนใดจะได้แกรนด์สแลม และยากยิ่งขึ้นถ้าจะชนะทั้งสี่รายการในปีเดียวกัน ในประวัติศาสตร์มีนักเทนนิสประเภทเดี่ยวเพียงห้าคนที่ชนะเลิศแกรนด์สแลมทุกรายการในปีเดียวกัน คือ ดอน บัดจ์ และ รอด เลเวอร์ ในประเภทชายเดี่ยว มัวรีน คอนนอลลี, มาร์กาเรต สมิธ คอร์ท และ สเตฟี กราฟ ในประเภทหญิงเดี่ยว
นักเทนนิสที่ได้แกรนด์สแลมครบทั้ง 4 รายการในปีเดียวกัน
ชายเดี่ยว
ดอน บัดจ์ (ปี ค.ศ. 1938)
รอด เลเวอร์ (1962,1969)

หญิงเดี่ยว
มัวรีน คอนนอลลี (1953)
มาร์กาเรต สมิธ คอร์ท (1970)
สเตฟี กราฟ (1988)
สเตฟี กราฟ ชนะเลิศได้เหรียญทองโอลิมปิกในปีเดียวกัน บางครั้งถูกเรียกว่า โกลเดนสแลม
นักเทนนิสที่ได้แกรนด์สแลมครบทั้ง 4 รายการ แต่ชนะเลิศต่างปี]นอกจากรายชื่อด้านบน
ชายเดี่ยว
เฟรด เพอร์รี แชมป์ 8 ครั้ง
รอย อีเมอร์สัน แชมป์ 12 ครั้ง
อังเดร อากัสซี่ แชมป์ 8 ครั้ง
โรเจอร์ เฟเดอเรอร์ แชมป์ 17 ครั้ง
ราฟาเอล นาดาล แชมป์ 11 ครั้ง
หญิงเดี่ยว
ดอริส ฮาร์ท
เชอร์รี ฟราย เออร์วิน
บิลลี จีน คิง
คริส เอฟเวิร์ต
มาร์ตินา นาฟราติโลวา
วีนัส วิลเลียมส์
เซเรนา วิลเลียมส์
มาเรีย ชาราโปว่า

แนะนำการดูเทนนิส

แนะนำการดูเทนนิส
  1. การเล่น
ผู้เล่นจะต้องอยู่คนละข้างของตาข่าย ผู้เล่นที่ส่งลูกก่อนจะเป็นฝ่ายเสิร์ฟ อีกฝ่ายหนึ่งจะเป็นฝ่ายรับ สลับกันไป
2. การเลือกข้าง
ใช้วิธีเสี่ยง ผู้ชนะมีสิทธิ์ในการเลือกข้าง หรือเสิร์ฟ
3. การเสิร์ฟ การยืน
จะต้องให้เท้าทั้งสองข้างอยู่นอกสนามเส้นหลัง ให้โยนลูกขึ้นไปในอากาศ แล้วใช้ไม้ตีก่อนที่ลูกจะตกถึงพื้น ผู้เล่นที่มีแขนเดียวให้ใช้ไม้เทนนิสช่วยโยนได้ ให้เริ่มเสิร์ฟด้วยด้านขวาก่อน แล้วจึงสลับกันไป ลูกที่เสิร์ฟจะต้องข้ามตาข่ายไปสัมผัสกับพื้นภายในคอร์ตเสิร์ฟที่อยู่ทแยงกันเมื่อเสิร์ฟลูกที่ 1 เสีย จะต้องรีบเสิร์ฟลูกที่ 2 ทันที การเล่นเมื่อจบเกมจะต้องเปลี่ยนการเสิร์ฟสลับกันไป
4. การรับ
ผู้รับพร้อมที่จะรับจึงเสิร์ฟได้ ถ้าหากว่าผู้รับพยายามที่จะรับลูกต้องถือว่าผู้รับนั้นพร้อมแล้ว
5. การขานคำว่า " เล็ต "
 หมายความว่า เมื่อขานขึ้นเฉพาะการเสิร์ฟลูกที่ 1 ก็ให้เสิร์ฟลูกนั้นใหม่ เมื่อขานขึ้นกรณีอื่นๆ ให้เล่นแต้มนั้นใหม่ การเสิร์ฟที่ขาน " เล็ต " ไม่มีฝ่ายใดได้แต้ม
6. การเปลี่ยนข้าง
จะต้องเปลี่ยนข้างเมื่อจบเกมที่ 1 และเกมที่ 3 และทุกเกมคี่ของแต่ละเซต นอกจากจำนวนเกมในเซตนั้นเป็นเลขคู่ก็จะต้องเปลี่ยนข้างเมื่อจบเกมที่ 1 ในเซตถัดไป
7. การเสิร์ฟได้แต้ม
 คือ การเสิร์ฟถูกต้องหรือถูกตัวผู้รับก่อนที่ลูกจะตกถึงพื้น ผู้รับจะได้แต้มเมื่อผู้ เสิร์ฟเสีย 2 ลูกติดต่อกันหรือผู้เสิร์ฟทำเสียเอง
8. การขัดขวางคู่ต่อสู้
หากผู้เล่นคนใดขัดขวางคู่ต่อสู้ในการตีลูกโดยจงใจ จะเป็นฝ่ายเสียแต้ม
9. ลูกที่ตีไปสัมผัสพื้นสนามอย่างถูกต้องแล้วไปตกกับอุปกรณ์ถาวร
ผู้ตีจะได้แต้ม แต่ถ้าผู้ตี ตีลูกไปถูกอุปกรณ์แล้วสัมผัสพื้นสนามผู้รับจะได้แต้ม
10. การนับแต้มในแต่ละเกม
ผู้เล่นคนใดได้แต้มครั้งแรกให้ขานว่า "15 " เมื่อเขาได้แต้มครั้งที่ 2 ให้ขานว่า " 30 " เมื่อเขาได้แต้มครั้งที่ 3 ให้ขานว่า " 40 " เท่ากันให้ขานว่า " ดิวซ ์" ถ้าเขาได้แต้มอีกต่อไปเป็นครั้งที่ 2 เขาก็จะเป็นผู้ชนะในเกมนั้น ถ้าคู่ต่อสู้ของเขาทำแต้มต่อจากแต้มได้เปรียบก็จะขานว่า " ดิวซ ์" อีก ต่อจากนั้นถ้าใครทำแต้มต่อจาก " ดิวซ ์ " ติดต่อกัน 2 แต้มก็จะเป็นผู้ฝ่ายชนะ
11. การนับแต้มในแต่ละเซต
ผู้เล่นที่ชนะ 6 เกมแรก จะถือว่าเป็นผู้ชนะในเกมนั้น แต่จะต้องชนะคู่ต่อสู้ติดต่อกันอย่างน้อย 2 เกมด้วยและถ้าจำเป็นก็จะต้องเล่นต่อไปเรื่อยๆ จนกว่าจะชนะติดต่อกัน 2 เกม
12. การนับแต้มระบบไทเบรก
จะใช้ต่อเมื่อได้แต้มเป็น 6 เกม เท่ากัน ยกเว้นเซตที่ 3 และเซตที่ 5 ของการแข่งขันที่มี 3 หรือ 5 เซต แต้มก่อนจะเป็นผู้ชนะในเกมนั้น แต่จะต้องชนะคู่ต่อสู้ติดต่อกันอย่างน้อย 2 แต้มด้วย ถ้าแต้มเป็น 6 เท่ากัน จะต้องต่อเกมออกไปจนกว่าฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดชนะ 2 แต้มติดต่อกันตลอดไทเบรก จะเป็นฝ่ายชนะ
13. จำนวนเซตที่ใช้แข่งขัน
การแข่งขันประเภทคู่ อย่างมากมี 5 เซต ถ้ามีสตรีร่วมแข่งขันด้วยจะมี 3 เซต
14.เวลาสำหรับการแข่งขันและหยุดพัก
เวลาสำหรับการเปลี่ยนข้างไม่เกิน 1 นาที 30 วินาที แต่ต่อได้ไม่เกิน 25 วินาที เวลาพักหลังได้รับบาดเจ็บ ระหว่าง 3 - 5 นาที เวลาพัก เมื่อ หมดเซตที่ 3 หรือในการแข่งขันที่มีสตรีด้วยเมื่อหมดเซตที่ 2 พักได้ไม่เกิน 10 นาที
 
เกมไทร์เบรค คือ การเล่นเกมสุดท้ายอันเป็นเกมตัดสินนั่นเอง ในเกมนี้ผู้เล่นที่ทำคะแนนถึง 7 พ้อยท์ เป็นคนแรกจะชนะเกมเซ็ท ยกเว้นที่ในกรณีทั้งสองฝ่ายทำคะแนนได้ 6 พ้อยท์เท่าซึ่งเกมไทเบรคจะต้องดำเนินต่อไปจนกระทั่งผู้เล่นคนใดคนหนึ่งสามารถทำคะแนนนำอีกฝ่ายหนึ่งไปได้ 2 พ้อยท์รวมเช่น 9-7,16-14 ฯลฯ สำหรับในบางประเทศจะใช้เกมไทเบรคชนิด 5 พ้อยท์ เป็นเกณฑ์ตัดสิน อเมริกาเป็นประเทศหนึ่งที่กำหนดให้มีไทเบรคประเภทนี้ และได้ใช้ระบบนับแต้มที่เรียกว่า "No Ad Scoring" ซึ่งเป็นวิธีการนับเลขแบบก้าวหน้าเรียงขึ้นไปตามลำดับคือ 1,2,3,4 แทนที่จะเป็น 15,30,40 คนที่สามารถทำคะแนนได้ 4 แต้มคนแรกจะเป็นผู้ชนะในเกมนั้น
เป็นธรรมเนียมที่ถือปฏิบัติกันมาในการแข่งขันแบบทัวร์นาเมนต์ที่ผู้เล่นทั้งในประเภทเดี่ยวและประเภทคู่จะเปลี่ยนข้างกันในระหว่างการแข่งขัน ซึ่งจะทำกันหลังจากการแข่งขันในเกมที่ 1 ที่ 3 ที่ 5 และต่ไปเรื่อย ๆ เกมเว้นเกม การแข่งขันแต่ละเซ็ทจะแยกออกมาอย่างเด็ดขาด ดังนั้นถ้าหากว่าเซ็ทหนึ่งสิ้นสุดลงด้วยคะแนน 6-3 ก็จะมีการเปลี่ยนข้างกันในทันที แล้วจะมีการเปลี่ยนข้างกันอีกครั้งหนึ่งเมื่อเกมแรกของเซ็ท ต่อมาสิ้นสุดลง สำหรับในกรณีที่เป็นการแข่งขันไทเบรคผู้เล่นจะเปลี่ยนข้างกันในทุก ๆ 6 พ้อยท์ เมื่อครบไทเบรคหนึ่งครั้งก็เท่ากับจบกันไปหนึ่งเกม
  มารยาทในการดูเทนนิส
  1. ไม่ควรส่งเสียงดังในระหว่างการเล่น ช่วงเปลี่ยนข้างสามารถทำได้บ้าง อย่างไรก็ตาม ในช่วงเปลี่ยนข้างนี้ นักกีฬาก็ยังใช้สมาธิเพื่อวางแผนการเล่น ดังนั้นจึงไม่ควรส่งเสียงเชียร์ดังจนเกินไป
2. ไม่เชียร์โดยการโห่ฮา การกระทืบเท้าเป่าปากในระหว่างการเล่น ยิ่งนักกีฬาฝ่ายตรงข้ามตีเสียเอง เราไม่ควรตบมือส่งเสียงดีใจหรือซ้ำเติมนักกีฬา
3. ไม่ควรตะโกนสอนผู้เล่นในระหว่างแข่งขัน

ประวัติความเป็นมาของเทนนิสไทย



ประวัติเทนนิสในประเทศไทย
 
ไม่มีหลักฐานแน่ชัดว่าใครเป็นผู้นำกีฬาเทนนิสเข้ามาสู่ประเทศไทยและในสมัยใด แต่สันนิษฐานว่าคงจะเริ่มเล่นในรัชกาลพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว โดยชาวอังกฤษและอเมริกันที่เดินทางเข้ามาในประเทศไทย แต่ในขณะนั้นคนไทยยังไม่สนใจการเล่นเทนนิสมากนัก คงเล่นกันในหมู่คนต่างชาติ ต่อมาจึงมีเจ้านายคนไทยชั้นสูง และข้าราชการชั้นสูงเริ่มเล่นลอนเทนนิสกัน ครั้งนั้นนักเทนนิสไทยบางท่านนุ่งผ้าม่วง เล่นเทนนิส บางคนระหว่างการเล่นก็กินหมาก ต่อมาจึงนุ่งกางเกงขายาว และต้องสีขาวตามแบบฉบับของชาวฝรั่ง ถือว่าเล่นเทนนิสต้องนุ่งกางเกงขายาวสีขาวเป็นการสุภาพกว่าขาสั้น
จนกระทั่งในราวปี พ.ศ. 2460 ประชาชนให้ความสนใจกันมากขึ้น จึงมีการตั้งสโมสรเทนนิสขึ้นอย่างเป็นทางการแห่งแรกที่พระราชอุทยานสราญรมย์ มีสมาชิกครั้งแรกเพียง 10 คน ต่อมาเปลี่ยนสถานที่ไปเล่นที่พิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติ แต่ก็ล้มเลิกไปในที่สุด ในระหว่างนั้นก็มีอีกสโมสรหนึ่งที่มีการเล่นลอนเทนนิสคือ บางกอกยูไนเต็ดคลับ แต่เป็นสนามซีเมนต์เพียงสนามเดียว และมีเอกชนตั้งสโมสรลอนเทนนิสขึ้นหลายแห่ง เช่น บริษัทบอร์เนียว บริษัท บอมเบย์เบอร์มา ที่บ้านมิสเตอร์คอลลิน ซึ่งสมาชิกส่วนใหญ่เป็นชาวต่างประเทศ และยังมีการเล่นลอนเทนนิสที่บ้านมิสเตอร์ลอฟตัส ซึ่งอยู่ใกล้โรงเรียนนายเรือ ธนบุรี บ้านหมอแม็คฟาแลนด์ ที่โรงพยาบาลศิริราช และบ้านมิสเตอร์บัสโฟร์ หลังกองทัพเรือ สำหรับในหมู่คนไทยเช่นที่กระทรวงเกษตร สโมสรโรงเรียนนายเรือ
ในปี พ.ศ. 2469 กรมหมื่นพิทยาลงกรณ์ ได้ทรงจัดตั้งลอนเทนนิสสมาคมแห่งประเทศไทยขึ้น โดยได้รับความร่วมมือจากสโมสรเทนนิส 12 สโมสรคือ ราชกรีฑาสโมสร สโมสรรถไฟ สโมสรกีฬาอังกฤษ สโมสรกีฬาสามัคยาจารย์ สโมสรนครสวรรค์ สโมสรสีลม สโมสรลำปาง สโมสรนวรัฐ สโมสรเชียงใหม่ยิมคานา สโมสรสงขลา สโมสรกลาโหมและสโมสรภูเก็ต ได้ส่งผู้แทนเข้าประชุมกันเป็นครั้งแรกที่วังกรมหมื่นพิทยาลงกรณ์ ในที่ประชุมก็ได้ลงมติเอกฉันท์ให้ตั้ง "ลอนเทนนิสสมาคมแห่งประเทศไทย" และได้ทรงดำรงตำแหน่งนายกของลอนเทนนิสสมาคมเป็นคนแรก พร้อมทั้งได้ออกกฎข้อบังคับของสมาคมฯขึ้นใช้เป็นมาตรฐานทั่วไป ซึ่งได้ใช้เป็นบรรทัดฐานมาจนถึงปัจจุบันนี้
คณะกรรมการชุดแรกของลอนเทนนิสสมาคมแห่งประเทศไทยคือ กรมหมื่นพิทยาลงกรณ์ทรงเป็นนายกสมาคมฯ นายอาร์ดี. เครก เป็นเลขานุการกิติมศักดิ์ พระยาสุพรรณสมบัติเป็นเหรัญญิกกิติมศักดิ์ ส่วนสโมสรที่อยู่ในเครือที่ได้รับเลือกเป็นกรรมการคือ
1. ราชกรีฑาสโมสร
2. สโมสรกีฬาสามัคยาจารย์
3. สโมสรกีฬาอังกฤษ
4. สโมสรสีลม
5. สโมสรกลาโหม

พระวรวงศ์เธอกรมหมื่นพิทยาลงกรณ์ ได้ทรงมีส่วนสำคัญในการสร้างลอนเทนนิสสมาคมแห่งประเทศไทย และได้ทรงดำรงตำแหน่งนายกสมาคมตั้งแต่ พ.ศ. 2470 ถึง พ.ศ. 2482 เป็นเวลาถึง 12 ปี ต่อมาในปี พ.ศ. 2482 พลเอกหลวงพรหมโยธี ได้รับเลือกเป็นนายกสมาคม ในวันที่ 20 พฤศจิกายน พ.ศ. 2484 พ.ต.ท. ขุนศรีวรากร ได้รับเลือกเป็นนายกสมาคม และในปี พ.ศ. 2490 หม่อมเจ้าวิมวาทิตย์ รพีพัฒน์ ทรงเป็นนายกสมาคม
ถือว่าวันที่ 15 เมษายน พ.ศ. 2470 เป็นวันสถาปนาลอนเทนนิสสมาคมแห่งประเทศไทย อย่างเป็นทางการ และในปลายปี พ.ศ. 2470 ทางสมาคมฯได้จัดการแข่งขันลอนเทนนิสเพื่อความชนะเลิศแห่งประเทศไทยขึ้นเป็นครั้งแรกที่สโมสรสีลม และในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 7 พระองค์ทรงรับเอาลอนเทนนิสสมาคมแห่งประเทศไทยไว้ในพระบรมราชูปถัมภ์ เนื่องจากพระองค์ทรงโปรดกีฬาเทนนิสมากและทรงเทนนิสอยู่เสมอในสนามเทนนิสวังสุโขทัย
ในปี พ.ศ. 2494 คณะกรรมการสมาคมได้คิดตราเครื่องหมายของสมาคมขึ้นเป็นพระมหามงกุฏ มีเครื่องหมาย 7 อยู่ข้างใต้ เพื่อเป็นการระลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณของพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว และในปี พ.ศ. 2495 ทางสมาคมฯได้แปลกติกาลอนเทนนิสของสมาคมลอนเทนนิสระหว่างชาติขึ้น เพื่อเป็นหลักในการแข่งขันและไว้เผยแพร่ให้ผู้ที่สนใจกีฬาประเภทนี้ทราบโดยทั่วกัน
ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2500 เป็นต้นมา ทางลอนเทนนิสสมาคมฯ ได้จัดการแข่งขันให้กว้างขวางขึ้น มีการแข่งขันเพื่อความชนะเลิศแห่งภาคขึ้นทุกภาคและคัดนักกีฬาที่ชนะเลิศเอามาแข่งขันเพื่อความชนะเลิศแห่งประเทศไทย ซึ่งแบ่งการแข่งขันออกเป็นหลายประเภท เช่น ประเภทชายเดี่ยว ประเภทชายคู่ ประเภทหญิงเดี่ยว ประเภทหญิงคู่ ประเภทคู่ผสม ประเภทชายเดี่ยวสูงอายุ (อายุ 50 ปีขึ้นไป) ประเภทชายคู่สูงอายุ (อายุรวมกัน 100 ปีขึ้นไป) เป็นต้น
ในปี 2509 ประเทศไทยเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันกีฬาเอเชี่ยนเกมส์ ครั้งที่ 5 ซึ่งจัดการแข่งขันเทนนิสที่สนามกีฬาแห่งชาติ ปทุมวัน ด้านหลังสนามศุภชลาศัย และหลังจากเสร็จการแข่งขันกีฬาเอเชี่ยนเกมส์แล้ว กรมพลศึกษาได้อนุญาตให้ลอนเทนนิสสมาคมฯ เข้ามาใช้ห้องทำงานและสนาม 10 สนาม และต่อมาลอนเทนนิสสมาคมฯได้เปิดเทนนิสให้กับประชาชนทั่วไป
ปี 2520 เมื่อองค์การส่งเสริมกีฬาแห่งประเทศไทย (การกีฬาแห่งประเทศไทย ในปัจจุบัน) ได้จัดสร้างสนามเทนนิส จำนวน 6 คอร์ต ขึ้นในบริเวณองค์การส่งเสริมกีฬาแห่งประเทศไทย หัวหมาก ได้มอบให้ลอนเทนนิสสมาคมแห่งประเทศไทยฯ เป็นผู้ครอบครอง และใช้สนามเทนนิสให้เป็นประโยชน์ในการดำเนินกิจการของสมาคม และได้สร้างอาคารที่ทำการให้แก่ สมาคม ที่สนามเทนนิสแห่งนี้ด้วย
กีฬาเทนนิสในประเทศไทยได้พัฒนาขึ้นมาก ในการแข่งขันเอเชี่ยนเกมส์ ครั้งที่ 8 เดือนธันวาคม พ.ศ. 2521 ที่ประเทศไทยเป็นเจ้าภาพนั้นนักเทนนิสประเภทคู่ผสมของไทย คือ จารึก เฮงรัศมี นักเทนนิสชาวจังหวัดอุตรดิตถ์ และสุทธาสินี ศิริกายะ ได้ตำแหน่งชนะเลิศ ปัจจุบันมีนักเทนนิสไทยอยู่ในระดับโลกหลายคน และหวังว่าทุกๆส่วนที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะลอนเทนนิสสมาคมแห่งประเทศไทย คงมีแผนงานระยะยาวที่จะทำให้กีฬาเทนนิสเมืองไทยมีมาตรฐานเท่าเทียมกับประเทศอเมริกาและกลุ่มในประเทศยุโรป